วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ดวงแตกมีข้อดีอย่างไรข้อเสียอย่างไร




พินทุบาทว์ หมายความว่าเป็นจุดด่าง จุดเสีย พินทุ แปลว่า จุดอุบาทว์ แปลว่า มืด บอด หมายคู่ความว่า ดวงมืด ดวงบอด


มีโหรกล่าวอยู่คำหนึ่งว่า “จันทร์ล่าราหู ราหูล่าจันทร์” หมายความว่าเมื่อจันทร์โยคหน้าราหู คือ เป็น ๓ กับราหู จันทร์จะทำราหูให้เสียเอาตามนิสัย คือ ก็จะทำให้เป็นคนหลงคนง่าย ใครอ้อนวอนไม่ได้เป็นใจอ่อนรีบช่วยเหลือทันที ผลสุดท้ายตัวเองกลับได้รับความลำบากทุกทีและเมื่อจันทร์โยคหลังราหู คือ เป็น ๑๑ แก่ราหู ราหูจะทำจันทร์เสีย คือมีรูปร่างไม่สวย มีกิริยาไม่น่าดู มีร่างกายไม่แข็งแรง ขี้โรค เป็นต้น

อ่านเพิ่มได้ที่(http://www.horawej.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=2648&Ntype=3)


กิจในอริยสัจ คือสิ่งที่ต้องทำต่ออริยสัจ 4 แต่ละข้อ ได้แก่
  1. ปริญญา - ทุกข์ ควรรู้ คือการทำความเข้าใจปัญหาหรือสภาวะที่เป็นทุกข์อย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง เป็นการเผชิญหน้ากับปัญหา
  2. ปหานะ - สมุทัย ควรละ คือการกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เป็นการแก้ปัญหาที่เหตุต้นตอ
  3. สัจฉิกิริยา - นิโรธ ควรทำให้แจ้ง คือการเข้าถึงภาวะดับทุกข์ หมายถึงภาวะที่ไร้ปัญหาซึ่งเป็นจุดมุ่งหมาย
  4. ภาวนา - มรรค ควรเจริญ คือการฝึกอบรมปฏิบัติตามทางเพื่อให้ถึงความดับแห่งทุกข์ หมายถึงวิธีการหรือทางที่จะนำไปสู่จุดหมายที่ไร้ปัญหา
กิจทั้งสี่นี้จะต้องปฏิบัติให้ตรงกับมรรคแต่ละข้อให้ถูกต้อง การรู้จักกิจในอริยสัจนี้เรียกว่ากิจญาณ
กิจญาณเป็นส่วนหนึ่งของญาณ 3 หรือญาณทัสสนะ (สัจญาณ, กิจญาณ, กตญาณ) ซึ่งหมายถึงการหยั่งรู้ครบสามรอบ ญาณทั้งสามเมื่อเข้าคู่กับกิจในอริยสัจทั้งสี่จึงได้เป็นญาณทัสนะมีอาการ 12 ดังนี้
  1. สัจญาณ หยั่งรู้ความจริงสี่ประการว่า
    1. นี่คือทุกข์
    2. นี่คือเหตุแห่งทุกข์
    3. นี่คือความดับทุกข์
    4. นี่คือทางแห่งความดับทุกข์
  2. กิจญาณ หยั่งรู้หน้าที่ต่ออริยสัจว่า
    1. ทุกข์ควรรู้
    2. เหตุแห่งทุกข์ควรละ
    3. ความดับทุกข์ควรทำให้ประจักษ์แจ้ง
    4. ทางแห่งความดับทุกข์ควรฝึกหัดให้เจริญขึ้น
  3. กตญาณ หยั่งรู้ว่าได้ทำกิจที่ควรทำได้เสร็จสิ้นแล้ว
    1. ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้ว
    2. เหตุแห่งทุกข์ได้ละแล้ว
    3. ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว
    4. ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น